พระอาจารย์ ชิน คุง
พระอาจารย์ ชิน คุง
พระภิกษุสังกัดฝ่ายมหายาน
ประธานอำนวยการศูนย์การศึกษาปริสุทธิภูมิ
ประธานคณะกรรมกรบริหารมูลนิธิเพื่อการศึกษาพุทธศาสนาในฮ่องกง
เมตตาธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนโลก
ความกรุณาเป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต
สัมโมทนียกถาของ
MASTER CHIN KUNG
ในพิธีเสด็จพระราชดำเนิน
ทรงเปิดโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ
วันจันทร์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๑
ขอถวายพระพร สมเด็จพระบรมโอราธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
อาตมภาพ รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้อาตมภาพมีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ ท่ามกลางความชื่นชมโสมนัสของเหล่าพระภิกษุสงฆ์ และฆราวาส ทุกท่านที่มาชุมนุมกันอยู่ ณ ที่นี้ อาตมภาพขอพระราชทานพระราชานุญาตยกคำกล่าวทางพระพุทธศาสนา เพื่อกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท ๒ ประการ ประการแรก เมื่อร่างกายและจิตวิญญาณถึงซึ่งความพร้อม การปฎิบัติธรรมก็จะดำเนินไปอย่างเป็นระบบ ส่วนประการที่สอง คือภารกิจในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา เป็นภารกิจสำคัญของเหล่าคณะสงฆ์ทั้งปวง แต่คณะสงฆ์จะสามารถเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้ก็ย่อมต้องขึ้นอยู่กับ การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีความสมานฉันท์ ดังนั้น ในฐานะที่อาตมาภาพเป็นสมาชิกรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา อาตมาภาพจึงมีความยินดีที่มีโอกาสร่วมโดยเสร็จพระราชกุศลในการสร้างโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณแห่งนี้ เพื่อประโยชน์ของพระสงฆ์ทั้งปวง
เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๖ อาตมภาพมีโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย ซึ่งเป็นดินแดนพระพุทธศาสนาเจริญก้าวหน้ามาเป็นเวลานานนับศตวรรษ เพื่อเข้าร่วมการประชุมซึ่งจัดโดย The Unition University For Peace ณ กรุงเทพมหานคร อาตมภาพมีโอกาสพบกับ ฯพณฯ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และได้รับทราบว่าโครงการก่อสร้งโรงพยาบาลเพื่อพระภิกษุสงฆ์ ในพระราชูปภัมภ์ของฝ่าละอองพระบาท เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสที่ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงเจริญพระชนมายุ ๕๐ พรรษา อาตมภาพรู้สึกตื้นตัน และปิติเป็นล้นพ้นในพระมหากรุณาธิคุณของใต้ฝ่าละอองพระบาทที่ทรงมีต่อคณะสงฆ์ อาตมภาพรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสร่วมโดยเสด็จพระราชกุศล ด้วยเห็นว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่จะจรรโลงพระพุทธศาสนา และพระรัตนตรัยให้เจริญก้าวหน้า และยั่งยืนถาวรต่อไป อีกทั้งผลแห่งกุศลกรรมในครั้งนี้ จะยังประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง พระพุทธศาสนาจะเจริญยั่งยืน เป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนตราบชั่วกัลปวสาน
เมื่อพระบรมศาสดา ทรงตรัสรู้อนุตรสัมโพธิญาณ ได้ทรงอุตสาหะเสร็จฯ โปรดเวนัยสัตว์ทั้งหลาย ด้วยพระเมตตาและพระกรุณาธิคุณ เพื่อยังประโยชน์สุขให้แก่มนุษย์ชาติ เป็นเวลาหลายศตวรรษที่พระเมตตา และพระกรุณาธิคุณได้เผยแผ่ไปยังส่วนต่าง ๆของโลก เพื่อยังให้เกิดความรัก ความเอื้ออาทร และไมตรีจิตระหว่างมวลมนุษยชาติ ซึ่งแท้จริงก็เป็นสัญชาตญาณในปัจเจกบุคคลนับแต่ชีวิตได้ถือกำเนิดขึ้นมานั่นเอง อาตมภาพเชื่อมั่นว่าทุกท่านได้เรียนรู้ที่จะให้ความเคารพในคนเองและผู้อื่น มีความรักต่อคนเอง ครอบครัว ประเทศชาติ และโลกของเรา ตลอดจนจักรวาลแห่งนี้
ความรักที่บริสุทธิ์ ย่อมถือกำเนิดจากก้นบึ้งแห่งดวงใจที่บริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากความมัวหมอง ความรักเป็นสิ่งที่มีพลังและอนุภาพที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ความรักจะยงให้เกิดสันติสุข นำมาซึ่งความสว่างแห่งปัญญา ขจัดซึ่งความเขลาตลอดจนนำไปสู่ความรู้ความเข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนและกุศลกรรมทุกประการ
ความรักที่บริสุทธิ์ สร้างความตระหนักรู้ในกุศลกรรมทั้ง ๑๐ ประการ และเป็นมรดกความเจริญแห่งสังคมโลก
ความรักที่บริสุทธิ์ ย่อมเกิดจารประสบการณ์และแสงสว่างแห่งปัญญา
ความรักที่บริสุทธิ์ เป็นความสว่างแห่งดวงจิต เป็นสภาวะแห่งธรรม และเป็นแสงแห่งพระพุทธศาสนา
ความรักที่บริสุทธิ์ เป็นความดีงามทั้งปวง
ความรักที่บริสุทธิ์ เป็นสัจจธรรม
ความรักที่บริสุทธิ์ เป็นบรมศาสดาแห่งทุกศาสนา
ความรักที่บริสุทธิ์ เป็นรากฐานแห่งชีวิตในสากลพิภพ
ความรักที่บริสุทธิ์ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา
พุทธศาสนิกชนพึงเข้าถึงซึ้งความรักที่บริสุทธิ์ดังกล่าวมาแล้วนี้
พทุธศาสนิกชนพึงสั่งสอนแนะนำบุคคลอื่นให้เข้าถึงซึ่งความรักที่บริสุทธิ์
เหล่านักบวชแห่งทุกศาสนาพึงสั่งสอนมวลมนุษย์ให้เข้าถงซึ่งความรักที่บริสุทธุ์เพื่อความสงบสุขแห่งชีวิต
ในทางตรงกันข้ามกับความรักที่บริสุทธิ์ โลกมนุษย์ยังมีเมล็ดพันธุ์แห่งความวิบัติ ประกอบด้วย
เมล็ดพันธุ์แห่งความโลภ ซึ่งจะนำไปสู่ความทะยานอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เมล็ดพันธุ์แห่งความโกรธ ซึ่งจะนำไปสู่ความเร่าร้อนทุรนทุราย
เมล็ดพันธุ์แห่งความเขลา ซึ่งจะนำไปสู่ความด้อยปัญญา
เมล็ดพันธุ์แห่งความเขลา ซึ่งจะนำไปสู่ความด้อยปัญญา
เมล็ดพันธุ์แห่งความลุ่มหลง ซึ่งจะนำไปสู่ความหายนะ
ดังนั้น ในฐานะที่เราทั้งหลายเป็นพุทธศาสนิกชน เราจึงควรใช้อำนาจแห่งไตรสิกขา คือ ศิล สมาธิ และปัญญา ขจัดซึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งความวับัติเหล่านี้ เราควรตั้งอยู่บนความสงบและมีสติ เพื่อขจัดบ่อเกิดแห่งความหายนะทั้งปวง
ความรักที่บริสุทธิ์ จะเป็นพลังแห่งครอบครัวในการเสริมสร้างความปรองดอง และสันติสุขให้เกิดขึ้น และเป็นเครื่องมือในการกำราบเมล็ดพันธุ์แห่งความวิบัติดังกล่าว
เมื่อมนุษยชาติเข้าถึงศีล สมาธิ ปัญญา ความรักที่บริสุทธิ์ก็จะถือกำเนิดขึ้นมา สันติภาพและมงคลแห่งชีวิตจะเข้ามาแทนที่ความโฉดเขลา มวลมนุษยชาติจะสามารถเข้าถึงแก่นแท้จริง เป็นเครื่องมือในการกำจัดแหตุแห่งความวิบัติ ความขัดแย้ง การเผชิญหน้าและความแตกแยกทั้งปวง ท้ายที่สุด สันติสุขก็จะบังเกิดขึ้นท่ามกลางมวลมนุษยชาติ ดังนี้น การเข้าถึงซึ่งความดีงาม และความจริงแห่งธรรม จึงเป็นภารกิจที่สำคัญของเราทุกคน
เส้นทางแห่งการเผยแพร่พระพุทธศาสนาจากอินเดีย หรือชมพูทวีป สู่ภูมิภาคเอเชีย ประกอบด้วย ๒ เส้นทางสำคัญ กล่าวคือ ทางทิศใต้ พระพุทธศาสนา เผยแพร่เข้าสู่ด้านใต้ของอินเดีย ศรีลังกา เมียนมาร์ ไทย และดินแดนอื่นๆ ในสุวรรณภูมิ ส่วนทางทิศเหนือ พระพุทธศาสนา เผยแพร่เข้าสู่ด้านใต้ของอินเดีย เข้าสู่สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และดินแดนใกล้เคียง ด้วยเหตุนี้พระพุทธศาสนาไม่ว่าจะเป็นนิกายใดก็ตาม ล้วนมีที่มาจากพระบรมศาสดาองค์เดียวกัน
หลายปีก่อน อาตมภาพมีโอกาสเดินทางไปเยือนที่ประเทศญึ่ปุ่น อาตมภาพได้มอบพระไตรปิฎก จำนวน ๓๐ ชุด เพื่อแจกจ่ายให้แก่อารามในลัทธิ Pure Land ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหายาน ก่อนที่อาตมภาพจะออกเดินทาง เมื่ออาตมภาพเดินทางถึงญี่ปุ่น อาตมภาพได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยมีคณะสงฆ์ทุกนิกายเข้าร่วมพิธี หลังพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ มีพระภิกษุรูปหนึ่งกล่าวกับอาตมภาพว่า “พิธีต้อนรับในวันนี้จะต้องถูกบันทึกลงในประวัติพระพุทธศาสนาของญี่ปุ่น” เมื่ออาตมภาพถามว่า “ด้วยเหตุผลใด” อาตมภาพก็ได้รับคำตอบว่า “ตามปกติแล้ว พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ของญี่ปุ่นในหลายลัทธิ จะมีภารกิจมากมายจนไม่มีโอกาสที่จะมารวมกันในพิธีใดๆ แต่วันนี้กลับเป็นพิธีที่มีพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ของญี่ปุ่นมารวมกันอยู่ครบถ้วน ทุกนิกาย”
เมื่อทราบถึงสถานการณ์ดังกล่าว ก่อนที่อาตมภาพจะเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นอาตมภาพได้นมัสการเชิญพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ของญี่ปุ่นในหลายลัทธิให้มารวมกัน พร้อมทั้งแสดงสัมโมทนียกถาว่า พระพุทธศาสนา ในทุกนิกาย ทุกลัทธิ ล้วนกำเนิดมาแต่คำสอนของพระองค์พระบรมศาสดาพระองค์เดียวกันหากทรงล่วงรู้ด้วย
พระบรมโพธิญาณว่ามีการแบ่งแยกกันเป็นแต่ละลัทธิ ย่อมจำนำมาซึ่งความไม่สบายพระราชหฤทัย เฉกเช่นกับครอบครัวที่มีบุตร ๑๐ คน แต่ไม่มีความปรองดองสมานฉันท์ บิดามารดาย่อมไม่มีความสบายใจ นับเป็นความหายนะของครอบครัว แท้จริงแล้วทุก ๆ ลัทธิ และนิกายในพระพุทธศาสนาล้วนเป็นพี่น้องกันทั้งสิ้น ดังนั้นในฐานะแห่งครอบครัวพระพุทธศาสนา จึงควรร่วมมือกันทำนุบำรุงและจรรโลงพระพุทธศานาให้เจริญยังยืนสืบไป นอกจากนั้นยังต้องตระหนักว่าพระพุทธศาสนาเองก็ยังเครือญาติใกล้ชิด อันได้แก่ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาอื่นด้วย ทุกศาสนาล้วนแต่ประสงค์ให้ทุกคนเป็นคนดี มีวิถีชิวิตที่เหมาะสม นำมาซึ่งความเจริญสภาพของมวลมนุษยชาติ นั่นก็หมายความว่าทุกศาสนาล้วนอยู่ในครอบครัวเดียวกัน
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ อาตมภาพเดินทางไปแสดงพระธรรมที่มาเลเซีย มีผู้เข้าร่วมรับฟัง จำนวนประมาณ ๑๖,๐๐๐ คน อาตมภาพมีโอกาสพบกับ ฯพณฯ ดร. มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งแม้ว่าท่านจะพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว แต่ท่านก็ยังคงสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับความเป็นไปของสังคมโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของสันติภาพและความยั่งยืน ฯพณฯ ได้สอบถามอาตมภาพว่า “จะเกิดสันติสุขบนโลกนี้หรือ และเราจะสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในโลกนี้ได้อย่างไร” อาตมภาพตอบว่า สันติสุขของโลกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ มวลมนุษยชาติสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับต่างๆ ประกอบด้วย ปัญหาระหว่างประเทศหนึ่ง กล่าวคือเป็นปัญหาระหว่างประเทศเล็กกับประเทศใหญ่ และปัญหาระหว่างประเทศที่มั่งคั่งกับประเทศที่ยากจน ในเรื่องของการปฎิบัติที่เท่าเทียมกันด้วยไมตรีจิต ปัญหาระหว่างพรรคการเมืองหนึ่ง ปัญหาระหว่างกลุ่มเชื้อชาติหนึ่ง และปัญหาทางศาสนาหนึ่ง แม้ว่าปัญหาทั้ง ๔ ประการ จะเป็นปัญหาที่ยากต่อการแก้ไขโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาทางศาสนา แต่ลักษณะของกลุ่มศาสนาในอินโดนีเซียและสิงค์โปร์ ที่ได้รับการปฎิบัติอย่างเท่าเทียมกันมาเป็นระยะเวลานาน ก็ถือว่าเป็นตัวอย่างความสำเร็จในการสร้างความปรองดองของศาสนาที่แตกต่างกัน
อาตมภาพเชื่อว่าความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาความแตกแยกทางศาสนา จะช่วยเป็นพลังสำคัญในการแก้ปัญหาทางการเมือง และปัญหากลุ่มเชื้อชาติ ฯพณฯ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด เห็นด้วยกับความคิดของอาตมภาพ ซึ่งในวันต่อมา ฯพณฯ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ก็ได้เชิญอาตมภาพเข้าร่วมการประชุม The Perdana Global Peace Forum ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในช่วงสิ้นปี พ.ศ.๒๕๔๘
ในเดือนตุลาคม ๒๕๔๙ The Pure Land Learning College ออสเดรเลีย ร่วมกับ UNESCO และสถานเอกอัคราชฑูตไทย ณ กรุงแคนเบอร์ว่า จัดงานเฉลิ้มฉลองโอกาสครบรอบ ๒๕๕๐ ปี แห่งวันพระบรมราชสมภพขององค์พระบรมศาสดาสัมมาพุทธเจ้า ณ กรุงปารีส โดยมีหัวข้อการประชุม “ The Contribution of the Buddhists Toward Harmony” ในโอกาสดังกล่าว อาตมภาพได้เชิญผู้นำทางศาสนาของสิงค์โปร์ จำนวน ๙ ท่าน เข้าร่วมการประชุมพร้อมทั้งเชิญเข้าร่วมพิธีเจริญสวดมนตร์ภาวนา เพื่อสันติภาพของโลก พิธีเจริญสวดมนตร์ภาวนาดังกล่าว เป็นพิธียิ่งใหญ่ สง่างาม เคร่งขรึม สะท้อนว่าผู้นำทุกศาสนาต่างเชื่อมั่นว่าความปรองดองและสมานฉันท์ของทุกๆ ศาสนา จะยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นเพื่อสันติภาพของโลกและมวลมนุษยชาติ ผู้อำนวยการใหญ่ UNESCO ซึงอยู่ร่วมในพิธีดังกล่าว สามารถเป็นพยานได้ดี เพราะนับเป็นเวลานาน ๖ ทศวรรษนับแต่การจัดตั้ง UNESCO ที่ประเด็นทางด้านศาสนา มักจะไม่ได้รับการกล่าวถึงหรือมีการหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงในเวทีการประชุมแห่งนี้ ด้วยมีความเชื่อเดิมๆ ว่าการพูดคุยของคนที่นับถือศาสนาต่างกันก็คือเวทีแห่งการโต้เถียงกันนั่นเอง ตลอดเวลา ๓ วัน ของการประชุมดังกล่าว ณ สำนักงานใหญ่ของ UNESCO ผู้นำด้านศาสนาหลายท่านนั่งอยู่แถวหน้าของการประชุม ซึ่งสร้างความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งให้กับผู้อำนวยการใหญ่ UNESCO ที่ทุกท่านเหล่านั้น ร่วมกันประชุมด้วยไมตรีจิต และมิตรภาพปราศจากการโต้แย้ง โต้เถียงใดๆ ทั้งปวง นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่จะต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ขององค์การสหประชาชาตินอกจากนั้น ผู้อำนวยการใหญ่ UNESCO ยังกล่าวอนุญาตให้อาตมภาพเข้าไปใช้ห้องประชุม และโสตทัศนูปกรณ์ต่างๆ ของ UNESCO เพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ตามต้องการโดย UNESCO ยินดีให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ อย่างเต็มที่
อาตมภาพขอกล่าวเพิ่มเติมว่า ศาสนิกชนผู้ที่อุทิศตนให้แก่ศาสนาจะต้องตั้งใจศึกษาคำสอนต่างๆ ให้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ พร้อมทั้งนำสอนเหล่านั้นไปเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งปฏิบัติต่อศาสนิกชนของศาสนาอื่นด้วยไมตรีจิตที่ดีเยี่ยมมิตร แต่ในทางตรงข้าม หาความปรองดองและความสมานฉันท์ของทุกศาสนาไม่ได้รับการสร้างสรรค์ และจรรโลงไว้จากการศึกษาหลักคำสอนของแต่ละศาสนา ก็จะเป็นการยากที่จะสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนิกชนของแต่ละศาสนา ปัญหาด้านศาสนาและความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ ล้วนมีบ่อเกิดมาจากความเพลา และความไม่เข้าใจของศาสนิกชนดังกล่าวนั่นเอง ปัญญาย่อมไม่สามารถบังเกิดขึ้นท่ามกลางความเขลา ความมืดบอดทางความคิด อันจะนำไปสู่ความขัดแย้งต่างๆ ที่ปรากฏในปัจจุบัน
อาตมภาพขอถวายพระพรแด่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้ทรงเจริญมายุยิ่งยื่นนานเพื่อทรงเป็นหลักชัย และมิ่งขวัญของศาสนิกชนทุกศาสนา และทรงดำรงตำแหน่งองค์ราชูปถัมภกของศาสนาศึกษาอันจะนำมาซึ่งสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองของมวลมนุษยชาติ อาตมภาพขอเชิญชวนผู้นำศาสนาให้ออสเตรเลีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ร่วมกันสร้างความสมานฉันท์ หรือภราดรภาพแห่งศาสนา พร้อมทั้งเผยแพร่หลักการแห่งภราดรภาพ ทางศาสนาไปยังภูมิภาคต่างๆ ของโลก และขอพระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญพระบารมีใต้ฝ่าละอองพระบาท จงเป็นกำลังสำคัญที่จะดลบันดาลให้ความพยายามดังกล่าวประสบความสำเร็จในเร็ววัน
ในท้ายที่สุดนี้ อาตมภาพขอภาวนาให้ประเทศไทย พุทธศาสนา ประสบแต่ความรุ่งเรืองสถาพร และสันติสุขได้บังเกิดแก่โลก ขอคุณพระศรีรัตนตรัยจงปกปักรักษาให้ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย อันตรายใดๆ ที่จะกล้ำกรายเบื้องพระยุคลบาท จงมลายหายไป
ขอถวายพระพร